ขี้กาดิน
ภาพโดย :
คนโบราณ (a_Rsw
)
สถานที่ : ริมคลองสายวา
หลังหมู่บ้าน Airport (สนามบินหาดใหญ่)
ชื่อวิทยาศาสตร์
Trichosanthes cordata
Roxb.
ชื่อวงศ์
CUCURBITACEAE
ชื่ออื่น
ขี้กาขาว, เถาขี้กา,
ขี้กาดิน(ใต้)
ขี้กาดิน เป็นพันธุ์ไม้เถา เลื้อยตามพื้นดิน ที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ บนที่รกร้าง
ทั่วไป เถามีลักษณะกลมและโตเท่าก้านไม้ขีด หรือโตกว่าเล็กน้อย
ตามข้อ
ของเถาจะมีมือเกาะ ดอก มีสีขาวล้วน ผล
กลมและโตเท่าผลมะนาว เมื่อ
สุกจะมีสีแดง
ส่วนที่ใช้ประโยชน์
: เถา ใบสด
เถา เถาขี้กาดิน ใช้ปรุงเป็นยาบำรุงถุงน้ำดี ลูกถ่ายแรงกว่าเถา
บำรุงน้ำดี ล้าง
เสมหะ ดับพิษเสมหะและโลหิต รักษาตับปอดพิการ ใช้เถาต้มกับน้ำให้เดือด
ใช้เป็นยาฆ่าเลือดไร และเหาได้ ใบสด
ใบสดของขี้กาขาวใช้ตำสุมขม่อม
เด็กเวลาเย็น รักษาอาการคัดจมูกได้ดี
( ข้อมูลจาก :เวบไซท์
พืชและสัตว์ถิ่นภูพาน)
ขี้พร้าไฟ
ชื่อวิทยาศาสตร์
Momordica cochinchinensis
(Lour.) Spreng.
วงศ์
CUCURBITACEAE
ชื่อภาษาอังกฤษ
Spiny
Bitter Gourd, Gac fruit
ชื่ออื่น
ขี้พร้าไฟ(ใต้),
ฟักข้าว(กลาง),
บ่าข้าว(เหนือ),
หมากอูบข้าว(อีสาน),
ขี้กาเครือ (ปัตตานี)
ภาพโดย :
คนโบราณ (a_Rsw
)
สถานที่ : ทุ่งปลักเหม็ด (สนามบินหาดใหญ่)
ขี้พร้าไฟ
ใบเดี่ยว ใบมีแฉก
3 แฉก (พันธุ์นี้จะพบเห็นได้ทั่วไป ในเขตภาค
กลาง,และอีสาน)
ภาพโดย :
คนโบราณ (a_Rsw
)
สถานที่ : ทุ่งปลักเหม็ด (สนามบินหาดใหญ่)
ขี้พร้าไฟ
ใบมีรอยแฉก ลึกจนถึงก้านใบ
จนกลายเป็นใบประกอบย่อย
3
ใบ
(พันธุ์นี้จะพบเห็นได้ใน เขตภาคใต้ของไทย)
ขี้พร้าไฟ
เป็นไม้เถาเลื้อยพัน มีมือเกาะ พันธุ์ที่พบทั่วไปในประเทศไทยจะ
มีใบเป็นใบเดี่ยว มีแฉก
3 แฉก เรียงแบบสลับ พันธุ์ที่พบในภาคเหนือ ใบจะ
เป็นใบเดียวรูปหัวใจ
หรือรูปไข่ (ไม่มีร่องแฉกของใบ) กว้างยาวเท่ากัน ประ
มาณ
6-15
ซม. ในภาคใต้จะพบ 2 พันธุ์ คือ
พันธุ์ทั่วไป และพันธุ์ที่ใบมีรอย
แฉก
ลึกถึงก้านใบจนกลายเป็นใบย่อย
3 ใบ อีกพันธุ์หนึ่งด้วย ดอก เป็นดอก
เดี่ยวออกที่ซอกใบ ต้นแยกเพศอยู่คนละต้น กลีบดอกสีขาวแกมเหลือง ตรง
กลางมีสีน้ำตาลแกมม่วง ใบประดับมีขน ผล มี
2 ชนิด คือ ผลยาวมีขนาด
ยาว
6 -10
ซม.และผลกลมยาว 4 - 6 ซม. เปลือกผลอ่อน
สีเขียวมีหนามถี่
เปลี่ยนเป็นสีส้มแก่หรือแดง เมื่อผลสุกแต่ละผลหนักตั้งแต่ 0.5-2
กก
ผลขี้
พร้าไฟ มีสารไลโคพีน (
Lycopene
) สารที่ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ
และมะเร็งโดยเฉพาะมะเร็งต่อมลูกหมาก)สูงกว่าในมะเขือเทศ
70 -100
เท่า
และมีแคโรทีน (carotene)
มากกว่าในแครอท 10 เท่า
การขยายพันธุ์
ขี้พร้าไฟ ขยายพันธุ์ โดยใช้เมล็ด หรือแยกรากปลูก
ส่วนที่ใช้ประโยชน์
ยอดอ่อนและผลอ่อน
ของขี้พร้าไฟ นำมาลวก, ต้ม
หรือต้มกะทิ จิ้มน้ำพริก
หรือใช้เป็นผักแกง
ผลสุก
กินได้ มีรสหวานปะแล่มๆ เยื่อหุ้มเมล็ดนิยมนำมา
กินเล่น มีรสจืดๆ มันๆ
ในประเทศเวียดนาม นิยมนำเยื่อหุ้มเมล็ดในผลแก่ มา
ผสมกับข้าวสารเหนียวแล้วนำไปหุงจะทำให้ข้าวเหนียวที่หุงได้มีสีส้มแดงสวย
งามและเชื่อกันว่า ทานแล้วจะช่วยบำรุงสายตา แก้ปัญหาการมองไม่เห็นใน
ช่วงกลางคืนได้
สรรพคุณทางยา
เถา ราก และใบ
เป็นยาถอนพิษผิดสำแดง ดับพิษไข้ แก้ร้อนในกระหายน้ำ
แก้พิษอักเสบ แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย แก้พิษฝี แก้ปวดบวม ดูดหัวฝี
ฆ่า
เหา รากขี้พร้าไฟ นำมาบดใช้หมักผมเพื่อกำจัดเหา
และกระตุ้นให้ผมดก
เมล็ด ตำผสมกับน้ำมันงาหรือน้ำมันมะพร้าว ใช้เป็นยาทาภายนอก
รักษาหูด
ลดอาการอักเสบบวม อาการฟกช้ำ อาการผื่นคันและโรคผิวหนังกลากเกลื้อน
เยื่อหุ้มเมล็ดตากแห้ง
เก็บไว้ชงน้ำร้อน เป็นเครื่องดื่ม ช่วยบำรุงสายตา
(เนื่องจาก
เยื่อหุ้มเมล็ดของขี้พร้าไฟ มีรสจืดๆมันๆ
จึงควรผสมน้ำผลไม้ที่มีรส
เปรี้ยว
และเติมน้ำตาล
ให้มีรสหวานตามใจชอบ ก่อนดื่มให้นำไปแช่เย็น จะช่วยให้น้ำขี้พร้าไฟ
มีรสชาติดี ดื่มได้ง่ายขึ้น)
ภาพโดย :
คนโบราณ (a_Rsw
)
สถานที่ : ทุ่งปลักเหม็ด (สนามบินหาดใหญ่)
ดอกและผลของ
ขี้พร้าไฟ
(พันธุ์ที่มีใบประกอบย่อย
3
ใบ)
ภาพโดย :
คนโบราณ (a_Rsw
)
สถานที่ : ทุ่งปลักเหม็ด (สนามบินหาดใหญ่)
เมล็ดของ
ขี้พร้าไฟ
(พันธุ์ที่มีใบประกอบย่อย
3
ใบ)
ขันทองพยาบาท
ภาพโดย :
คนโบราณ (a_Rsw
)
สถานที่ : บนโคก
ใกล้กำแพงสนามบินหาดใหญ่ ทิศตะวันตกของทุ่งปลักเหม็ด
ชื่อวิทยาศาสตร์
Suregada multiflorum
(A. Juss.) Baill.
ชื่อวงศ์
EUPHORBIACEAE
ชื่ออื่น
- ชายปลวก (ยายปลวก) (ภาคใต้), มะดูก, กระดูก (ภาคกลาง)
ไม้ต้นสูง 3-7 เมตร
ใบ ใบเดี่ยวออกสลับ รูปขอบขนาน หรือขอบขนานแกม
รูปใบหอก
กว้าง 3-6 ซ.ม ยาว
9-14 ซ.ม ปลายแหลมหรือมน โคนแหลม
เป็นครีบ มีต่อมน้ำมันกระจายทั่วไป ดอก สีเหลืองอมเขียว ออกเป็นช่อสั้นๆ
ตรงข้ามกับใบ
ดอกตัวผู้ และดอกตัวเมีย
อยู่ต่างต้นกัน กลืบเลี้ยง 5 กลีบ
ไม่มีกลีบดอก
ดอกตัวผู้มีเกสรตัวผู้จำนวนมาก ติดอยู่บนฐานดอกซึ่งนูน ดอก
ตัวเมีย
รังไข่มี 3 ช่อง ปลายแยกเป็น 2 แฉก ผล ผลกลม เส้นผ่าศูนย์กลาง
ประมาณ 2 ซ.ม ผลอ่อนสีเขียว สุกสีเหลือง
ส่วนที่ใช้ประโยชน์
เปลือก ต้มรักษาโรคผิวหนัง เป็นยาบำรุงเหงือกและฟัน ยาถ่าย และรักษา
โรคตับ(เนื้อไม้
มีพิษทำให้เมา) ราก แก้ประดง
แก้ฝีมะเร็ง น้ำเหลืองเสีย
หมายเหตุ (ของขนำริมทุ่งปลักเหม็ด)
:
ชาวหาดใหญ่-คลองหอยโข่ง
สงขลา เรียกต้นไม้ชนิดนี้ว่า
"ไม้ชายปลวก"
เนื่องจากจะพบเห็นต้นไม้ชนิดนี้ได้เฉพาะบริเวณข้างๆจอมปลวก
ที่น้ำไม่ท่วม
ขัง (แต่ในเอกสารบางแห่ง ระบุว่า คนใต้เรียกพันธุ์ไม้ชนิดนี้ว่า "ยายปลวก")
(
แหล่งข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์ของ
ขันทองพยาบาท
-
นจ.
)
ไข่เน่า
ภาพจาก
เวบพรรณไม้งามที่วังตะไคร้
ภาพ ต้นไข่เน่า อายุประมาณ
1
ปี
ภาพโดย :
คนโบราณ (a_Rsw
)
สถานที่ : ซอยทวดพรหม ทุ่งปลักเหม็ด (สนามบินหาดใหญ่)
ภาพ ผลไข่เน่า ที่เคล้าเกลือและผึ่งแดดแล้ว
ภาพโดย :
คนโบราณ (a_Rsw
)
สถานที่ : ตลาดอัมพวา
สมุทรสงคราม
ชื่อวิทยาศาสตร์
Vitex
glabrata R. Br. ชื่อวงศ์
VERBENACEAE
ชื่ออื่น
-
ไข่เน่า
(กลาง และภาคใต้) ขี้เห็น (อุบลราชธานี-เลย),
ปลู(เขมร - สุรินทร์),
คมขวาน,
ฝรั่งโคก
ไข่เน่า
เป็นพันธุ์ไม้ต้น พบในป่าเบญจพรรณทั่วไป สูงประมาณ 8
- 12
เมตร
ลำต้น เกลี้ยงมีสีหม่นและมีด่างเป็นดวงขาว ๆ
ใบ เป็นใบประกอบแบบฝ่ามือ
เรียงตรงข้าม ชนิด
5 ใบย่อย รูปไข่กลับแกมวงรี
หรือรูปใบหอกกลับ กว้าง
4-6
ซม. ยาว 10-13 ซม.สีเขียวเข้ม
ดอก เล็กๆสีม่วงอ่อน ออกเป็นช่อตรง
ซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ผล ผลอ่อนที่ยังไม่สุกจะมีสีเขียวและแข็ง
รูปไข่หรือ
รูปไข่กลับ ยาว
1 -
2 ซม. เมื่อสุกมีสีม่วงดำเนื้อนุ่มนิ่ม ผิวเป็นมัน
การขยายพันธุ์ ไข่เน่า ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด
ส่วนที่ใช้ประโยชน์
เนื้อไม้ ของไข่เน่าแข็ง ใช้ทำเครื่องเรือนและของใช้ต่างๆได้
เปลือกต้น
มีรสฝาด เป็นยาใช้แก้ท้องเสีย แก้บิด แก้ไข้ ขับพยาธิในเด็ก ราก
ใช้แก้
ท้องเสีย และเป็นยาเจริญอาหาร
ผลสุก
มีรสหวานเล็กน้อย อมเปรี้ยวเอียน
และมีกลิ่นเหม็นคาว
รับประทานได้
แต่ถ้าจิ้มเกลือ จะช่วยให้มีรสชาติดีขึ้น
หรือจะเคล้ากับเกลือแล้วผึ่งแดดเก็บไว้ทานก็ได้
ถือเป็นผลไม้ที่เป็นทั้งอาหาร
และยา ใช้รักษาโรคเบาหวาน
ช่วยบำรุงสมอง และบำรุงไต
ได้ดี นอกจากนี้
ยังมีแคลเซี่ยมสูง จึงเป็นผลไม้
ที่ช่วยบำรุงกระดูก
สำหรับผู้สูงอายุ
หมายเหตุ (ของขนำริมทุ่งปลักเหม็ด)
:
ต้นไข่เน่า เป็นพันธ์ไม้ที่มีประโยชน์มาก
แต่ไม่มีผู้ใดนิยมปลูกในบ้าน เนื่อง
จาก มีชื่อที่ไม่ค่อยเป็นมงคล
ในเขตคลองหอยโข่ง สงขลา เดิมจะมีหมู่บ้าน
ติดกับสนามบินหาดใหญ่
ชื่อว่า บ้านไข่เน่า เนื่องจากมี
ต้นไข่เน่า
ต้นใหญ่
อยู่หน้าหมู่บ้านแต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อเป็น
บ้านใหม่ (และเด็กๆในบ้านใหม่
จะไม่มีใคร รู้จักต้นไข่เน่า) ในเขตกองบิน
56
สนามบินหาดใหญ่ ก็เคยมี
ต้นไข่เน่า
ที่เด็กเลี้ยงวัวและหมอยาพื้นบ้านในอดีต ใช้เป็นอาหารและยา แต่
ปัจจุบัน
หาคนที่รู้จักต้นไข่เน่าได้น้อยมาก
|