เพชรสังฆาต
ภาพโดย :
คนโบราณ (a_Rsw
)
สถานที่ : ทุ่งปลักเหม็ด
(ซอยทวดพรหม สนามบินหาดใหญ่)
ชื่อวิทยาศาสตร์
Cissus guardrangularis
Linn.
ชื่อวงศ์
VITACEAE
ชื่ออื่นๆ
ขั่นข้อ (ราชบุรี), สันชะควด (กรุงเทพฯ), สามร้อยต่อ (ประจวบคีรีขันธ์)
เพชรสังฆาต เป็นไม้เถา
เกาะเกี่ยวพันต้นไม้อื่น
เถาอ่อนสีเขียวเป็นสี่เหลี่ยมเป็นข้อต่อกัน มีมือ
สำหรับเกาะยึดออกตางข้อต่อตรงข้ามใบ ใบเป็นใบเดี่ยว
ออกเรียงสลับตามข้อต้นรูปสามเหลี่ยม
ปลายใบมน โคนใบเว้า ขอบใบหยักมนห่างๆ
แผ่นใบเรียบสีเขียวเป็นมัน ก้านใบยาว
2-3 ซม.
ดอก ออกเป็นช่อตามข้อต้นตรงข้ามกับใบ ดอกสีเขียวอ่อน
กลีบดอกมี 4 กลีบโคนด้านด้านนอก
มีสีแดง ด้านในสีเขียวอ่อน
เมื่อบานเต็มที่ดอกจะงองุ้มไปด้านล่าง เกสรเพศผู้มี 4
อัน ผล รูปทรง
กลม ผิวเรียบเป็นมัน ผลอ่อนสีเขียว สุกสีแดงเข้มเกือบดำ
เมล็ดกลม สีน้ำตาล มี 1 เมล็ด
ส่วนที่ใช้เป็นประโยชน์ -
เพชรสังฆาต
เป็นพืชสมุนไพรมีรสร้อนขมคัน คั้นเอาน้ำดื่ม
แก้โรคลักปิดลักเปิด แก้ประจำเดือน
ไม่ปกติ แก้กระดูกแตกหัก
ขับลมในลำไส้ และ
แก้ริดสีดวงทวารหนักทั้งชนิดกลีบมะเฟืองและ
เดือยไก่
การใช้เพชรสังฆาต รักษาโรคริดสีดวง ทำได้โดยใช้เถาสดยาว
2-3 องคุลีต่อหนึ่งมื้อสอดไส้ใน
กล้วยสุก หรือในมะขามเปียก แล้วกลืน ห้ามเคี้ยว
และจะต้องรับประทานติดต่อกัน10-15 วัน
จึงจะเห็นผล
ควรระวัง
1. ในต้นมีสารแคลเซี่ยมออกซาเลท เป็นผลึกรูปเข็ม อยู่มาก ทำให้ระคายเคืองลำคอ
ได้เช่น
เดียวกับบอน
2. หญิงมีครรภ์ห้ามรับประทาน
พุดทุ่ง
ภาพ
#1. และ ภาพ #2.
จาก
http://greengarden.pantown.com/
ชื่อวิทยาศาสตร์ Holarrhena
densiflora Ridl.
( ชื่อพ้อง
Holarrhena curtisii
King
&
Gamble )
ชื่อวงศ์
APOCYNACEAE
ชื่ออื่นๆ
:
พุดนา(ราชบุรี),
นมเสือ(พิษณุโลก),
น้ำนมเสือ(จันทบุรี )
สรรพคุณ,
สับครุน* (สงขลา),
พุดทุ่ง (ตรัง, สุราษฎร์ธานี)
พุดทุ่ง
เป็นไม้พุ่มดอกหอมที่ออกดอกตลอดทั้งปี
ต้นสูงประมาณ
2-4 ฟุต เปลือกต้นสีน้ำตาลดำ
กิ่งอ่อนมีขนสั้นนุ่ม มียางสีขาว ใบ
เดี่ยวออกเป็นคู่สลับตั้งฉากรูปไข่กลับหรือรูปรี
กว้าง 3-5 ซม.
ยาว 6-12
ซม. ปลายกลมเป็นติ่งแหลมหรือเว้าบุ๋ม โคนรูปลิ่ม
หรือมน ขอบเรียบ แผ่นใบหนามี
ขนสั้นนุ่มทั้งสองด้าน เส้นแขนงใบข้างละ 12-16 เส้น ก้านใบยาว 2-4
มม. ดอก
มีกลิ่นหอมเป็น
ช่อดอกแบบช่อกระจุกกลีบสีขาวออกที่ปลายกิ่งหรือซอกใบใกล้ปลายกิ่งยาวได้ถึง
12 ซม.มีขน
สั้นนุ่มใบประดับเล็กแคบยาว 2-5 มม. ดอกบานมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 3 ซม.
ก้านดอกย่อยยาว
1-1.5 ซม.กลีบเลี้ยง5
กลีบ
รูปแถบกว้าง 0.8-1.2 มม. ยาว 2.5-8
มม.
มีขนสั้นนุ่มทั้งสองด้าน
กลีบดอกโคนเชื่อมกันเป็นหลอดยาว 8-15 มม. ปลายแยกเป็น 5
กลีบ รูปไข่กลับถึงรูปรี กว้าง
4-8
มม.ยาว 1.2-2 ซม.ปลายกลม
มีขนทั้งสองด้าน ปากหลอดกลีบดอกสีขาวหรือเหลืองเกสร
เพศผู้
5 อันโคนก้านชูอับเรณูมีขนสั้นนุ่ม ผล เป็นฝักกลมยาว
แตกแนวเดียว 1
คู่ กว้าง 5-6 มม.
ยาว 22-28ซม.ปลายผลชี้ขึ้น เมล็ด มีขนสั้นนุ่ม
เป็นกระจุกขนอยู่ที่ปลายด้านหนึ่งของเมล็ด
เมื่อผลแห้งแตกออก เมล็ดจะปลิวกระจายไปตามลม
ลักษณะทางนิเวศวิทยา
พุดทุ่ง
ขึ้นได้ทั่วไปตามธรรมชาติ
ในพื้นที่ระดับความสูงตั้งแต่ใกล้ระดับน้ำทะเลจนถึงประมาณ
400 ม.ในป่าเบญพรรณ ป่าชายเลน ที่โล่งที่ค่อนข้างชื้น
และพื้นที่ดินทรายทั่วไป ทั่วประเทศและ
ทั้งภูมิภาคอินโดจีน/คาบสมุทรมาลายู
ส่วนที่ใช้ประโยชน์
ต้น,ราก
มีรสร้อน เป็นยาขับเลือดและหนองให้ตก ขับลม กระจายเลือดลม ขับพยาธิ
หมายเหตุ
:
คนสงขลา (
คลองหอยโข่ง และบริเวณใกล้เคียงสนามบินหาดใหญ่ ) เรียก
พันธุ์ไม้ชนิดนี้ว่า
สับครุน
หมอแผนไทยในแถบนี้ จะใช้ยางของสับครุนผสมกับน้ำมะนาว
ป้าย
หัวฝีที่บวมเต็มที่ เพื่อเปิดหัวฝี ขับหนองและเลือดที่เน่าเสียออก...
(
แหล่งข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ยางพุดทุ่ง(สับครุน)ป้ายฝี
-
นจ. )
|