มะเขือขื่น
ภาพโดย :
คนโบราณ (a_Rsw
)
สถานที่ : ทุ่งปลักเหม็ด
(ซอยทวดพรหม สนามบินหาดใหญ่)
ชื่อวิทยาศาสตร์
Solanum aculeatissimum Jacq.
ชื่อวงศ์
SOLANACEAE
ชื่อภาษาอังกฤษ
Cockroach berry, Indian Love
Apple, Soda Apple, Devils Apple
ชื่ออื่น
เขือหืน (ใต้), มะเขือหืน (อีสาน), มะเขือแจ้ มะเขือจาน (เหนือ)
มะเขือขื่น
เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก ทนแล้งได้ดี มีอายุหลายปี กิ่งเปราะหักง่าย
ชอบขึ้นดินร่วนซุย
ตามลำต้นมีหนามสีแดงเกือบดำ
ใบ
เป็นใบเดี่ยวออกสลับ สีเขียว ขอบใบหยักเป็นคลื่น มีหนาม
สีแดงเกือบดำห่างๆ ทั่วก้านใบ บนใบและหลังใบ
ใบอ่อนมีขนอ่อนปกคลุม ดอก ดอกเดี่ยวสี
ม่วง
ออกที่ปลายยอด เกสรสีเหลือง กลีบเลี้ยงสีขาว
ผล
เปลือกผล หนา เหนียว ผลดิบสีเขียว
เมื่อแก่มีสีเหลือง
ขั่วผลมีหนาม เนื้อในผลสีเขียวเป็นเมือก มีรสขื่น
ส่วนที่ใช้ประโยชน์
ผล ต้มหรือลวกจิ้มน้ำพริก ใส่แกงเผ็ด
เป็นยาแก้เสมหะ แก้น้ำลายเหนียว แก้ไข้สันนิบาต
เมือกในผล ขูดตากแดด
นำมาดองเหล้าเป็นยาแก้ปวดเมื่อย (มะเขือขื่น
32 ผล /เหล้า
1 ขวด)
ราก เป็นยาขับเสมหะทำให้น้ำลายแห้ง แก้ไข้สันนิบาต แก้น้ำลายเหนียว
แก้ไอ ทุ้งพิษไข้ แก้ไข้
ที่มีพิษร้อน และลดไขมันในเส้นเลือด
หรือปรุงร่วมกับยาอื่น แก้กามตายด้าน บำรุงกำหนัด
คนไข้ที่มีอาการไอ
ห้ามรับประทานผลมะเขื่อขื่น เพราะจะทำให้เกิดอาการระคายเคือง
มะเขือพวง
ภาพโดย :
คนโบราณ (a_Rsw
)
สถานที่ : ทุ่งปลักเหม็ด
(ซอยทวดพรหม สนามบินหาดใหญ่)
ชื่อวิทยาศาสตร์
Solanum torvum
sw.
ชื่อวงศ์
SOLANACEAE
ชื่อภาษาอังกฤษ
Turkey berry, Devil's Fig
ชื่ออื่น
เขือช่อ(คลองหอยโข่ง-สงขลา),
เขือตูน( หาดใหญ่-สงขลา),
เขือแว้ง(พิปูน-นครศรีฯ),
มะเขือละคร,หมากแค้ง
(นครราชสีมา), มะแคว้งกุลัว,
มะแคว้งกุลา (เชียงใหม่),
รับจงกลม
(เขมร)
มะเขือพวงเป็นไม้พุ่มมีหนามที่ยืนต้นข้ามปี
สูง
1-3
เมตร
ทั้งต้นมีขน ลักษณะคล้ายดาวปกคลุม
ลำต้น
ตั้งแข็งแรง แตกกิ่งก้านสาขามาก กิ่งก้านและใบมีหนามสั้น
ใบรีใหญ่ออกสลับกันปลายใบ
แหลม ตัวใบสองข้างไม่เท่ากัน ใบยาว
10-20
ซม. ขอบใบหยักเล็กน้อย
ดอก ออกเป็นช่อจาก
ง่ามใบหรือปลายกิ่ง ดอกย่อยมีกลีบเลี้ยง
5
กลีบ กลีบดอก
5
กลีบ สีขาวมีเกสรตัวผู้
5
อัน ออก
ติดกับกลีบดอกบริเวณปากหลอดอับเรณูสีเหลืองยาวประมาณ
6
มม. รังไข่มี
2
ห้อง ผลกลมไม่มี
ขน เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ
1
ซม.ผลแก่สีเหลืองเข้มถึงส้ม ภายในมีเมล็ดมาก ขนาด1.5-2
มม.
มะเขือพวงเป็นพืชทนแล้ง ที่ขึ้นเองตามที่รกร้าง ในป่า
ตามไหล่เขา
(
ปัจจุบัน มีการปลูกเพื่อเก็บ
ผลขาย )
ส่วนที่ใช้ประโยชน์
ผล
ใช้เป็นผักใส่แกง เช่น
แกงเขียวหวาน
แกงเนื้อ แกงป่า ใส่ในน้ำพริกหรือ
ใช้เป็นผักลวกจิ้ม
น้ำพริก
สรรพคุณทางยา
เมล็ด
เผาสูบเอาควันรมแก้ปวดฟัน
ใบสด
ใช้เป็นยาพอกให้ฝีหนองแตกเร็วขึ้น
ทั้งต้น ใบ และผล สดหรือแห้ง
น้ำหนักประมาณ10-15
กรัมต้มกินเป็นยาช่วยให้เลือดหมุนเวียนดี
แก้ปวด ฟกช้ำ ตรากตรำทำงานหนัก กล้ามเนื้อบริเวณเอวฟกช้ำ ไอเป็นเลือด ปวดกระเพาะ
ฝีบวม
มีหนองและ อาการบวมอักเสบ รากสด
ตำให้ละเอียด
ใช้พอกเท้าที่แตกเป็นร่องเจ็บ
( ข้อมูลจากเวบไซท์
หมอชาวบ้าน )
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์
- มะเขือพวงมีสารจำพวก "ไฟโตนิวเทรียนท์
(Phytonutrient)" ที่จะช่วยร่างกายในสภาวะขาด
สารอาหาร
ให้สามารถกลับมาทำงานได้อย่างปกติ,
- มีกลุ่มสาร
"ทอร์โวไซด์
(Torvoside)"
ซึ่งช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลในกระแสเลือดได้
และกระตุ้นให้ตับนำโคเลสเตอรอลในเลือด
ไปใช้ได้มากขึ้น
รวมทั้ง
ยับยั้งการดูดซึมกลับของ
โคเลสเตอรอลในลำไส้ด้วย จึงอาจช่วยป้องกันโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือดได้อีกทางหนึ่ง
-
ในมะเขือพวงมีสาร "ซาโปนิน(Saponin)"
ทำให้มะเขือพวงมีฤทธิ์ขับเสมหะ
-
มะเขือพวงเป็นพืชที่มีเส้นใยมากที่สุด คือ
มีเส้นใยมากกว่ามะเขือยาว 3
เท่า และมากกว่า
มะเขือเปราะถึง 65 เท่า เส้นใยในมะเขือพวงนี้
เรียกว่า "เพกติน(Pectin
)" เป็นสารที่ละลายน้ำ
ได้
สารนี้จะเปลี่ยนเป็นวุ้นไปเคลือบที่ผิวของลำไส้
ทำให้ลำไส้ดูดซึมแป้งและน้ำตาลที่ย่อยแล้ว
ได้ช้าลง
จึงเป็นการช่วยไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นเร็วเกินไป ทำให้ควบคุมระดับน้ำตาลใน
ผู้ป่วยโรคเบาหวานได้
อย่างไรก็ตาม แม้
มะเขือพวงจะเป็นพืชผักที่มีประโยชน์มาก
แต่ไม่
ควรกินมากเกินไป
เพราะมีสาร "อัลคาลอยด์(Alkaloids)"
ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์ต่อระบบประสาท
และมีผลต่ออวัยวะอื่น ๆ
( ข้อมูลจากเวบไซท์
นานาสาระ ; รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม )
|